ช่วงนี้คุณแม่เริ่มกลับมากังวลกับฝุ่น PM 2.5 ที่กลับมาหนักขึ้นอีกครั้ง กรมการแพทย์ โดยสถาบันสุขภาพเด็กแห่งชาติมหาราชินี ชี้มลพิษทางอากาศที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของทุกคน โดยเฉพาะเด็กเล็ก ที่อายุต่ำกว่า 5 ปี ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจะได้รับผลกระทบมากเป็นพิเศษ
ฝุ่น PM2.5 เกิดจากอะไร ?
ฝุ่นละออง PM 2.5 คือฝุ่นขนาดเล็ก ที่มีอนุภาคเส้นผ่านศูนย์กลางเล็กกว่า 2.5 ไมครอน มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมมนุษย์ถึง 25 เท่า สามารถแทรกซึมเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย เกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น ควันรถยนต์ ควันจากการเผาไหม้ในที่โล่งแจ้ง การก่อสร้าง หรือควันที่มาจากโรงงานอุตสาหกรรม
ฝุ่น PM2.5 ส่งผลเสียต่อเด็กอย่างไร ?
ความรุนแรงของฝุ่น PM 2.5 นี้ จะเป็นอันตรายต่อเด็กได้ง่าย เพราะ ปกติแล้วเด็กจะมีอัตราการหายใจถี่กว่าผู้ใหญ่ ทำให้สูดฝุ่นละออง หรือ มลพิษไปได้เยอะกว่า ยิ่งอายุน้อยเท่าไหร่ อัตราการหายใจต่อนาทีก็จะมากขึ้น
- มีอาการแสบจมูก น้ำมูกไหล หายใจไม่สะดวก และเจ็บคอ เนื่องจากสูดเอาฝุ่นเข้าสู่ร่างกาย
- หากมีการสะสมฝุ่นในระยะยาว ฝุ่นละอองเข้าไปทำงานเซลล์สมอง ส่งผลต่อพัฒนาการ และ กระบวนการการเรียนรู้ของเด็กให้ช้าลง มีปัญหาด้านการพูดและฟัง มีภาวะสมาธิสั้น และมีภาวะออทิซึม
- มีผดผื่นบริเวณที่ร่างกายสัมผัสฝุ่น อาการระคายเคืองผิว
- ฝุ่น PM2.5 มีขนาดเล็กจนสามารถซึมเข้าสู่กระแสเลือด ซึ่งจะนำไปสู่ภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ และ ภาวะหลอดเลือดหดตัวได้
วิธีป้องกันลูกน้อยจากฝุ่น PM2.5
- หลีกเลี่ยงพาลูกน้อยทำกิจกรรมกลางแจ้ง
- หากมีความจำเป็นต้องออกนอกบ้าน สวมหน้ากากอนามันทุกครั้งที่ออกจากบ้าน
- ปิดประตูหน้าต่างเพื่อกันฝุ่นละอองเข้าบ้าน
- ล้างจมูกด้วยน้ำเกลือเป็นประจำ จะช่วยให้หายใจโล่งขึ้น
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน และรับประทานอาหารที่มีประโยชน์
- ทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ และ เช็ดเฟอร์นิเจอร์ด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆเป็นประจำ เพื่อลดการสะสมของฝุ่นละอองภายในบ้าน
- หากลูกมีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด ภูมิแพ้ โรคหลอดลมอักเสบ หรือโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ ควรดูแลอย่างใกล้ชิด และหากลูกน้อยมีอาการผิดปกติ หายใจไม่ออก หายใจถี่ ไอบ่อย มีเสมหะ แน่นหน้าอก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
หรืออีกวีธีหนึ่ง การล้างมือบ่อยๆ ก่อนทานอาหาร หรือ หลังจากหยิบจับสิ่งของต่างๆ ก็ช่วยป้องกันลูกน้อยจากฝุ่น PM 2.5 ได้นะคะ